เป็นที่อยู่อาศัยหลักของเชื้อพระวงศ์ฝรั่งเศสในปี 1682 ภายใต้ Louis XIV จนมาถึงจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789 ภายใต้ Louis XVI ปัจจุบันนี้พระราชวังได้กลายเป็นอนุสาวรีย์ประวัติศาสตร์ และมรดกโลกขององค์การยูเนสโก มีห้องที่ประดับประดาไปด้วยประติมากรรมสวยงาม ด้านในมีโรงละครโอโปร่าทีออกแบบโดย Ange-Jacques Gabriel ด้านนอกมีสวนแวร์ซายอันกว้างใหญ่ มีน้ำพุ ต้นไม้ ดอกไม้มากมาย
เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ถูกนำออกจากการตกแต่งทั้งหมดหลังจากเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส แต่หลายชิ้นได้รับการส่งคืนและห้องพักในวังจำนวนมากได้รับการบูรณะใหม่ จนได้กลายเป็นที่สนใจต่อชาวโลกมากมายกระทั่งปี ค.ศ. 2017 ที่ผ่านมามีผู้เข้าชมมากกว่า 7 ล้านคนซึ่งเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ ทำให้เป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอันดับ 2 ในแถบภูมิภาค -le-de-France เป็นรองแค่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์
ในสมัยก่อนที่จะสร้างพระราชวังเป็นพื้นที่ของหมู่บ้านและโบสถ์ ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่ป่าสีเขียว อยู่ในการครอบครองของตระกูล Gondi เป็นสถานที่ชื่นชอบในการล่าสัตว์ของ King Henry IV ต่อมาในอนาคต Louis XIII ได้กลายเปิดทริปล่าสัตว์เองในปี 1607 จนกระทั่งได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ในปี 1610 ได้กลับมาซื้อที่ดินตรงนี้เพื่อสร้างกระท่อมล่าสัตว์ จนกระทั่งเวลาไปผ่านได้เปลี่ยนกระท่อมล่าสัตว์เป็นพระราชวังขึ้นมา โดยกว่านซื้อที่ดินโดยรอบมาจากคนของตระกูล Gondi
ต้นทุนในการก่อสร้างพระราชวัง
เรื่องที่น่าสนใจมากสุดไม่แพ้กันในประวัติศาสตร์ของพระราชวังนี้นั้น ก็คือจำนวนเงินที่ใช้ไปในพระราชวังแวร์ซายส์ ไม่มีใครทราบว่าต้นทุนในการสร้างอาคารหลังนี้เพราะมันไม่เคยถูกเปิดเผยมาก่อน แต่เดิมมันถูกวางแผนใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นครั้งคราวสำหรับ Louis XIV บางครั้งก็ถูกเรียกว่า “บ้านของกษัตริย์” เงินทุนส่วนใหญ่ที่ใช้ในการก่อสร้างล้วนมาจากทรัพย์สินของกษัตริย์ รวมถึงรายได้จากการปกครองแคนาดาที่เป็นส่วนหนึ่งของฝรั่งเศษ โดยถือเป็นสมบัติส่วนตัวของกษัตริย์และได้รับการยกเว้นจากการควบคุมของรัฐสภา
เมื่อ Louis XIV เริ่มลงมือในการก่อสร้างอาคาร ค่าใช้จ่ายสำหรับก่อสร้างแวร์ซายกลายเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจต่อสาธารณะชนมากขึ้น โดยมี Jean-Baptiste Colbert ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คอยดูแลค่าใช้จ่ายในแวร์ซายที่ทำการบันทึกในบทสรุปเรียกว่า Comptes des bâtiments du roi sous le règne de Louis XIV ถูกแก้ไขเผยแพร่ในเล่มที่ห้าโดย Jules Guiffrey ในศตวรรษที่ 19 ภายในเล่มมีการบันทึกไว้อย่างละเอียดตั้งแต่การค้า ค่าจ่างจิตรกร ค่าบริการต่างๆ betflix baccarat
เพื่อชดเชยต้นทุนของแวร์ซายในช่วงปีแรก ๆ พวกเขาตัดสินใจใช้พระรางวังเป็นตัวแทนของฝรั่งเศส ดังนั้นวัสดุทั้งหมดที่นำมาก่อสร้างและตกแต่งของแวร์ซายจึงถูกผลิตขึ้นในฝรั่งเศส แม้แต่กระจกที่ใช้ในการตกแต่งของ Hall of Mirrors ก็ทำในฝรั่งเศส ในขณะที่เวนิสในศตวรรษที่ 17 มีการผูกขาดในการผลิตกระจกโชคดีที่ Colbert สามารถสร้างแรงดึงดูดช่างฝีมือจำนวนมากจากเวนิสให้เข้ามาทำกระจกให้แวร์ซาย